โพสต์เมื่อ: 11 สิงหาคม 2563 10:00 น.
พอดีจะเดินทางไกล แต่กลัวเรื่องรถเบรกแตกค่ะ ใครพอจะมีวิธีแนะนำไหมคะ
nanny nanny_nn@hotmail.com 171.7.249.xxx
ความคิดเห็นที่ 1
โพสต์เมื่อ: 11 สิงหาคม 2563 10:01 น.
1. เมื่อรู้ตัวว่าเบรกไม่อยู่หรือเบรกแตกให้รีบกดปุ่มไฟฉุกเฉินขึ้นมาเป็นอันดับแรก เพื่อเป็นสัญญาณเตือนภัยให้รถคันอื่นที่อยู่ในบริเวณนั้นระมัดระวังรถของเรา และให้ขับรถห่างจากรถของเรา 2. พยายามประคองความเร็วและทิศทางรถอย่างดีที่สุด หากอยู่ใกล้เลนด้านซ้ายที่รถส่วนใหญ่วิ่งด้วยความเร็วต่ำ ก็ควรประคองเพื่อชิดขอบถนนซ้ายให้มากที่สุด แต่หากอยู่เลนทางด้านขวาที่รถมักวิ่งเร็ว ต้องพยายามประคองให้รถวิ่งในเลนถนนที่โล่ง ไร้สิ่งกีดขวางให้มากที่สุด 3. พยายามถอนเท้าออกจากคันเร่งและห้ามปล่อยมือจากพวงมาลัยอย่างเด็ดขาด 4. (สำหรับคนที่ขับรถยนต์ในระบบเกียร์ออโต) ให้ใช้วิธีดึงเกียร์จากตำแหน่งขับหรือ D มาเป็นเลข 3 และ 2 และสิ้นสุดที่ L อย่างเป็นลำดับ ห้ามใช้วิธีเลื่อนเกียร์ข้ามจาก D มา L อย่างกะทันหันเพราะจะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวและทำให้ระบบเกียร์ออโตพังไม่สามารถควบคุมได้ 5. (สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ที่เป็นระบบเกียร์กระปุก) ให้ใช้การเหยียบคลัทต์ พร้อมกับการไต่ลดระดับเกียร์ จาก 5 มา 4 3 2 และ 1 เพื่อเป็นการชะลอความเร็วอย่างเป็นลำดับ ไม่ทำให้รถหมุนเสียการทรงตัวจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง 6. ใช้ระบบเบรกมือของรถยนต์ช่วยได้ ไม่ว่าจะขับรถเกียร์กระปุกหรือเกียร์ออโต้ แต่มีข้อระวังคือ ห้ามดึงเบรกมือสุดแรงในครั้งเดียวอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัว จนหมุนพลิกคว่ำได้ ***การเกิดเบรกแตกมีความเสี่ยงสูงต่อความเสียหายขั้นรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ การไม่ละเลยซ่อมบำรุงตามระยะทาง เช่น ทุก 5,000 กิโลเมตร และหมั่นตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ให้พร้อมต่อการใช้งานเสมอ โดยเฉพาะระบบเบรก จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็ควรหมั่นทบทวนเทคนิคต่าง ๆ ในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้สามารถคงสติและลดความรุนแรงจากอุบัติภัยทางรถยนต์ได้
Bew B-bewz@gmail.com 171.7.249.xxx
ความคิดเห็นที่ 1
โพสต์เมื่อ: 11 สิงหาคม 2563 10:01 น.
1. เมื่อรู้ตัวว่าเบรกไม่อยู่หรือเบรกแตกให้รีบกดปุ่มไฟฉุกเฉินขึ้นมาเป็นอันดับแรก เพื่อเป็นสัญญาณเตือนภัยให้รถคันอื่นที่อยู่ในบริเวณนั้นระมัดระวังรถของเรา และให้ขับรถห่างจากรถของเรา 2. พยายามประคองความเร็วและทิศทางรถอย่างดีที่สุด หากอยู่ใกล้เลนด้านซ้ายที่รถส่วนใหญ่วิ่งด้วยความเร็วต่ำ ก็ควรประคองเพื่อชิดขอบถนนซ้ายให้มากที่สุด แต่หากอยู่เลนทางด้านขวาที่รถมักวิ่งเร็ว ต้องพยายามประคองให้รถวิ่งในเลนถนนที่โล่ง ไร้สิ่งกีดขวางให้มากที่สุด 3. พยายามถอนเท้าออกจากคันเร่งและห้ามปล่อยมือจากพวงมาลัยอย่างเด็ดขาด 4. (สำหรับคนที่ขับรถยนต์ในระบบเกียร์ออโต) ให้ใช้วิธีดึงเกียร์จากตำแหน่งขับหรือ D มาเป็นเลข 3 และ 2 และสิ้นสุดที่ L อย่างเป็นลำดับ ห้ามใช้วิธีเลื่อนเกียร์ข้ามจาก D มา L อย่างกะทันหันเพราะจะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวและทำให้ระบบเกียร์ออโตพังไม่สามารถควบคุมได้ 5. (สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ที่เป็นระบบเกียร์กระปุก) ให้ใช้การเหยียบคลัทต์ พร้อมกับการไต่ลดระดับเกียร์ จาก 5 มา 4 3 2 และ 1 เพื่อเป็นการชะลอความเร็วอย่างเป็นลำดับ ไม่ทำให้รถหมุนเสียการทรงตัวจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง 6. ใช้ระบบเบรกมือของรถยนต์ช่วยได้ ไม่ว่าจะขับรถเกียร์กระปุกหรือเกียร์ออโต้ แต่มีข้อระวังคือ ห้ามดึงเบรกมือสุดแรงในครั้งเดียวอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัว จนหมุนพลิกคว่ำได้ ***การเกิดเบรกแตกมีความเสี่ยงสูงต่อความเสียหายขั้นรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ การไม่ละเลยซ่อมบำรุงตามระยะทาง เช่น ทุก 5,000 กิโลเมตร และหมั่นตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ให้พร้อมต่อการใช้งานเสมอ โดยเฉพาะระบบเบรก จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็ควรหมั่นทบทวนเทคนิคต่าง ๆ ในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้สามารถคงสติและลดความรุนแรงจากอุบัติภัยทางรถยนต์ได้
Bew B-bewz@gmail.com 171.7.249.xxx